ได้เวลา ....ฟูลมาราธอน
....ข้างหน้าคือจุดสตาร์ทของงานวิ่งสำหรับฟูลมาราธอน ที่นี่..บุรีรัมย์กับงานวิ่ง night run...ผมมาอยู่ตรงนี้ด้วยความไม่มั่นใจ มันเป็นฟูลมาราธอนครั้งแรกของผม บุรีรัมย์ มาราธอน 2023
เรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในงานวิ่งคาบสมุทร ที่จัดขึ้นที่สงขลา น้องที่รู้จักกันมาชวนให้ไปวิ่ง ...ตอนเข้าไปสมัครรู้สึกว่าวิ่ง 10 กิโลเมตรเราเคยทำได้อยู่แล้วก็เลยสมัคร ฮาร์ฟมาราธอน 21 กม.ไป ต้องบอกไว้ก่อนนะครับปกติผมออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานครับแต่สำหรับการวิ่งนั้นวิ่งเป็นครั้งคราว 5 กิโลเมตร 10 กิโลเมตรในงานวิ่งที่องค์กรของตัวเองหรือที่เกี่ยวข้องกันจัดเท่านั้น ก่อนจะถึงวันวิ่งก็ไม่เคยได้ซ้อมอย่างไรเลย....
ถึงวันวิ่งถึง 16 กิโลเมตรแรกก็ยังวิ่งได้ แต่พอกิโลเมตรที่ 17 รู้สึกได้เลยว่าขาเริ่มลอยๆ หลังจากนั้นก็เลยกลายเป็นเดินๆวิ่งๆ ดูเวลาแล้วน่าจะทันcut off 3 ชั่วโมงครึ่ง ถึงกิโลเมตรที่ 20 ก็เลยเดินอย่างเดียว เหลืออีก 200 เมตรจะถึงเส้นชัยน้องๆที่ถ่ายภาพเชียร์ให้วิ่งหน่อย ก็เลยขยับจะวิ่งผลที่ได้คือ...ตะคริวที่น่องขวา ไม่เคยเป็นมากแบบนี้มาก่อนเลย ...ที่สำคัญคือเป็นการโชว์ก่อนที่จะเข้าเส้นชัย หลังวิ่งเพื่อนๆจึงล้อว่านักวิ่งยางแตก ก็อาย อะครับ....
อย่างไรก็ตามก็ยังได้เหรียญเพราะเวลาอยู่ในช่วง cut off ตอนนั้นเวลาที่ทำได้คือ 3 ชั่วโมง 10 นาทีสำหรับ 21 กิโลเมตร .. เริ่มรู้สึกว่าการวิ่งก็เป็นการท้าทายตัวเองแบบหนึ่ง เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้รู้สึกว่าอยากจะเป็น Marathon man สักครั้ง...แล้วโควิดก็ทำให้ความคิดเรื่องนี้เลือนลางไป
พอโควิดเริ่มซา...สงขลาก็จัดงานวิ่ง ... Songkhla international
Marathon 2022 ได้เวลาวัดใจกันอีกหน ขอสมัครแก้มือกับฮาร์ฟมาราธอนอีกครั้ง....พร้อมกับบอกกับตัวเองว่างานนี้จะเป็นตัววัดว่าจะไปต่อหรือจะพอแค่นี้....
......ได้ซ้อมอยู่ประมาณ 1 อาทิตย์วิ่งวันละ 10-15 กิโลเมตรแล้วพัก 2 วันก่อนไปแข่งใช้บริการ นวดคลายกล้ามเนื้อ 2 ครั้งในระหว่างการซ้อม..... ตอนซ้อมรู้สึกได้เลยว่าน่าจะไม่ได้ไปต่อวิ่งอืดและล้าเต็มที.....แต่ในวันวิ่งจริง ก็รู้สึกหมดตอนประมาณกิโลเมตรที่ 18 เจ็บเท้าด้วย มีน้องนักวิ่งผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเป็นpacer หรือเปล่า คงจะดูอาการผมออก วิ่งมาประกบแล้วก็บอกว่าอย่าหยุดถ้าหยุดก็จะเท่ากับหยุดตลอดอดทนวิ่งไปเรื่อยๆหายใจออกทางปากวิ่งช้าลงได้แต่ก็อย่าหยุด....ตอนนั้นดูเหมือนผมเป็นคนเชื่อฟังง่าย ก็เลยได้เข้าเส้นชัยที่เวลา 2 ชั่วโมง 35 นาที...ขอบคุณน้องคนนั้นมากจริงๆ หลังเข้าเส้นชัยแล้วยังเดินมาทักและให้กำลังใจผมด้วย...ยังเสียดายอยู่เลยไม่ได้ขอถ่ายรูปน้องเก็บไว้ ถ้าน้องได้อ่านบล็อกนี้ก็ขอบอกเลย ....ขอบคุณมากจริงๆที่ทำให้ผมได้ไปต่อ
ความฮึกเหิมเริ่มมา รู้สึกเลยว่าฟูลมาราธอนอยู่ใกล้ๆ ตั้งใจลองมองหางานวิ่งกะว่าจะวิ่งฮาร์ฟมาราธอนอีกสักครั้ง...เพื่อเป็นบันไดไปสู่ฟูลมาราธอน...ได้เจอกับงานวิ่งบางแสน 21 เลยรู้สึกดีมากที่ตัวเองเป็นผู้สูงวัย สมัครทีหลังก็ได้ ค่าสมัครก็ถูกลงครึ่งนึง ไม่ต้องเสี่ยงถูกจับlottoออก จัดไปอีกหนึ่งฮาร์ฟครับ งานนี้ได้ลูกชายเป็นพี่เลี้ยงและผู้ดูแลพาไปส่ง แต่บอกเลยว่าหาโรงแรมที่พักยากมากโรงแรมเต็มไปหมดทั้งบางแสนต้องไปพักถึงศรีราชาครับ ....อันนี้ก็ได้ทราบจากนักวิ่งว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งของการไปวิ่งก็คือการหาที่พักซึ่งรู้สึกว่าหลังๆคนจะนิยมการวิ่งกันมากและชอบไปวิ่งในที่ไกลๆ การหาที่พักมักจะเป็นเรื่องที่เป็นยุ่งยากอยู่เสมอ
อ้อผมลืมบอกไปครับ ตอนลองหางานวิ่งในอินเตอร์เน็ต ผมก็ลองเสิร์ชหางานวิ่งเพื่อจะลง ฟูล มาราธอนในนัดต่อไป...ก็เจอบุรีรัมย์มาราธอน 2023 แต่เป็นงานที่อยู่ติดกับงานวิ่ง บางแสน 21มากคือห่างกันแค่ประมาณ 1 เดือน .....ดูมันกระชั้นชิดไปหน่อยสำหรับคนอ่อนซ้อมอย่างผม อยากจะดูงานวิ่งที่ห่างไปสัก 4-5 เดือน แต่เข้าไปอ่านรีวิวยังไงๆก็มีคนชมการจัดงานบุรีรัมย์มาราธอนของลุงเนวินไว้มาก แถมบางคนยังบอกว่าเป็นงานวิ่งมาราธอนที่ดีที่สุดใหญ่ที่สุดอีก อีกทั้งเป็นการวิ่งตอนกลางคืนในช่วงที่อากาศหนาวๆด้วย น่าจะเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นอย่างผมมาก....อย่างไม่ลังเลใจขอใช้สิทธิ์สว.ทันทีค่าสมัครแค่ 600 บาท 555
ส่วนจะได้ไปวิ่งไหมก็ต้องลองดูผลการวิ่งที่บางแสน 21 อีกครั้ง
...แต่งานวิ่งบางแสน 21 เปิดโลกทัศน์ผมเลยครับคนเยอะมากจริงๆจัดงานได้ดีมากเส้นทางวิ่งก็สวยงาม เขาสามมุขก็สวยงามครับแต่มาอยู่ในช่วง 3-4 กิโลเมตรสุดท้ายเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันครับแทบไม่ได้มองความสวยงามของบรรยากาศรอบตัวเลยครับ
ลูกที่พาไปด้วยก็รู้สึกชอบบรรยากาศการวิ่งดูสนใจดีครับ...ที่เหนือจากที่อื่นสำหรับงานวิ่งบางแสน 21 ก็คือมีระบบ line follow me ติดตามการวิ่งให้กับคนที่มาเชียร์ได้ด้วยครับซึ่งมันจะบอกสถิติทุกครั้งที่ผู้วิ่งไปถึงจุด 5 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร 15 กิโลเมตร 20 กิโลเมตรและ 21 กิโลเมตรครับ...ผู้มาเชียร์ก็สนุกไปด้วยสิครับและพอจะดูรู้ว่านักวิ่งถึงไหนกันแล้ว ที่สำคัญจะติดตามนักวิ่งกี่คนก็ได้.ระบบนี้ดีมากๆจริงๆครับสำหรับคนมาเชียร์
หลังบางแสน 21 มีเวลาไม่มากนักเพื่อเตรียมตัวสำหรับ
ฟูลมาราธอน ตั้งใจว่าจะซ้อมให้ได้สัก 15 วันพัก 2 วันก่อนแข่ง ช่วงก่อนปีใหม่ไม่มีเวลาเหลือให้ซ้อมเลย มาได้ซ้อมวันละ 10 กิโลเป็นเวลา 15 วัน ระหว่างนั้นยังต้องพักเพราะมีปัญหากับรองเท้าเกิดเกิดรองช้ำที่เท้าขึ้นมานิดหน่อย ซึ่งหลายคนก็แนะนำเรื่องความสำคัญของรองเท้า แด่สำหรับผมมันเป็นskechersคู่เดิมที่วิ่ง บางแสน 21 ไม่น่าจะมีปัญหากับเท้าได้ ก็งงๆ แต่ด้วยคำแนะนำจากลูกชายบอกว่าลองคลายสายเชือกรองเท้าที่บริเวณปลายเท้าดู...ปัญหาเจ็บและรองช้ำก็หายไปครับ สรุปน่าจะผูกเชือกรองเท้าแน่นเกินไป เหมือนเป็นเรื่องเล็กๆแต่ถ้าไม่ได้ลองซ้อมก็คงไม่รู้ปัญหานี้ไปเจ็บเอาตอนที่วิ่งก็คงจะแย่แน่ ก็ได้ซ้อมเพียงแค่นั้นแหละครับ วันนี้จึงมายืนแบบไม่ค่อยจะมั่นใจนัก คิดอย่างเดียวว่าวันนี้ขอให้วิ่งได้ทันเวลาcut off ถ้าคิดแบบบวกๆไว้ก็ขอให้วิ่งได้ในเวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
เริ่มออกวิ่ง....จุดสตาร์ทอยู่ในสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต บนสแตนเชียร์มีกองเชียร์อยู่เต็มไปหมดบรรยากาศคึกคักมาก.. ผมอยู่ในblock 4 ปล่อยตัวเวลา 18.30 น.กว่าผมจะวิ่งไปถึงจุดสตาร์ทก็ 2 นาทีกว่าๆเหลือบไปดูในสนามหัวขบวนอยู่เกินครึ่งสนาม ช้างเซอร์กิตไปแล้ว ต้องยอมรับว่างานนี้นักวิ่งมากดีจริงๆ ก็คงต้องวิ่งกันไปตามจังหวะของตัวเองซึ่งของผมก็คือขอทำเวลาช่วงแรกๆดีสักนิดเพราะมีโอกาสที่ช่วงปลายจะหมดได้รู้ตัวดีว่าอ่อนซ้อม อิอิ...วิ่งมาได้ประมาณ 4 กม. เกิดปวดปัสสาวะขึ้นมาปกติวิ่งมาทุกงานไม่เคยต้องไปฉี่ระหว่างทางวันนี้ก็แบบเดียวกันก่อนออกมาก็ฉี่มาแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะอากาศเย็นหรือว่าเพราะตื่นเต้น ...แต่ที่แน่ๆไม่น่าจะกลั้นไว้เพราะยังต้องวิ่งกันไปอีกนาน...คิดอยู่ไม่ทันไรก็มีนักวิ่งผู้ชายทยอยแตกแถววิ่งออกไปฉี่บริเวณข้างทาง และมีเสียงถามลอยๆว่าปัสสาวะที่ไหนได้บ้าง...ก็เพิ่งจะได้คิดนี่แหละครับว่าคนวิ่งกันตั้ง 5 ชั่วโมง 6 ชั่วโมงก็น่าจะต้องมีที่ฉี่นะเพราะผู้หญิงคงจะแวะข้างทางไม่ได้ ...หลังจากนั้นมาสักพักใหญ่ก็จะเห็นมีป้ายที่ให้ไปเข้าห้องน้ำก็เวลาผ่านปั๊มน้ำมันนั่นแหละครับ ก็คงจะเป็นจุดจอดของนักวิ่งผู้หญิงที่จะปัสสาวะ ดูแล้วผู้หญิงก็ลำบากกว่าผู้ชายนะครับเวลาที่เสียระหว่างทางก็น่าจะมากกว่า
.... แสงสีระหว่างทางอลังการมากกองเชียร์ก็มีเกือบตลอดทาง เป็นชาวบ้านที่เป็นตัวแทนได้รับการเกณฑ์กันมาก็มี ที่ชวนกันออกมานั่งกันเป็นครอบครัวก็มี ลูกเล็กเด็กแดงสนุกสนานกันใหญ่ใส่เสื้อหนาวหมวกกันหนาวกันมาเรียบร้อยคงตั้งใจจะอยู่เชียร์กันนาน ได้สักประมาณ 6 กิโลเมตร ก็เจอน้องนักวิ่งที่ดูแล้วน่าจะวิ่งได้เพจพอๆกัน 4-5 คน ก็เลยได้โอกาสวิ่งเกาะไปกับน้องๆ แต่พอได้คุยกันก็รู้เลยว่าเดี๋ยวหลังจาก 10 กิโลเมตรนัองก็คงต้องทิ้งเราไป เพราะน้องๆเขาซ้อมกันมา 20-30 กิโลเมตร/วัน เป็นไปตามคาด ผ่านกิโลเมตรที่ 16 น้องก็เริ่มทิ้งผมห่างไปเรื่อยๆ ก็เลยต้องหาเกาะคนใหม่ 55 ไฟเส้นทางวิ่งที่สวยมากก็น่าจะเป็นอุโมงค์ไฟบริเวณอุโมงค์ไฟอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากดูในลิงค์ได้เลยนะครับ
ผมวิ่งแบบไม่หยุดครับ 21 กิโลเมตรแรก ประสบการณ์ช่วยให้การเตรียมการดีขึ้น ไม่มีการปวดแสบหัวนมที่ถูกเสื้อครูด เพราะปิดพลาสเตอร์ที่หัวนมมาอย่างดี อันนี้มีประสบการณ์ตรงจากตอนวิ่งบางแสน 21 ครับ วิ่งเสร็จหัวนมก็เป็นแผลเล็กๆอยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ครับ และวิ่งครั้งนี้ผมใส่กางเกงขาสั้น เพราะรู้แน่ว่าคงต้องใช้บริการนวดและพ่นสเปรย์ขาแน่ๆ
หลัง 21 กิโลเมตร ผมจึงได้ใช้บริการนี้ถึง 4 ครั้ง ซึ่งก็แน่นอนว่า ถ้าใส่กางเกงขายาวมาวิ่งก็คงไม่มีโอกาสใช้บริการนี้ ขอบคุณน้องๆหน่วยปฐมพยาบาลนะครับ สำหรับผมการนวดช่วยได้มากจริงๆ
หลังกิโลเมตรที่ 35 ก็เริ่มวิ่งๆเดินๆแล้วครับ แต่ดูเวลาแล้วก็รู้ว่าน่าจะไม่โดนcut offแล้ว 3 กิโลเมตรสุดท้ายก็เลยกลายเป็นการเดินเร็วล้วนๆ เพราะขาทั้งสองขาตึงไปหมดแล้ว 555 แต่เพื่อรูปที่ดูดี 100 เมตรสุดท้ายก็ต้องวิ่ง action กันหน่อย...
กองเชียร์และนักวิ่งทุกคนมีส่วน มากๆครับ ที่ทำให้งานวิ่งนี้มีความสุข อ้อแล้วที่ขาดไม่ได้ก็คือลูกชายที่สละเวลาในวันหยุดที่จะได้พักผ่อนจากการทำงานมาเป็นพี่เลี้ยงมารับมาส่งและให้คำแนะนำที่มีประโยชน์....
Mission complete ครับ กับเวลา 5:45:55 ชั่วโมง บอกกับลูกและเพื่อนๆว่านี่คือ My first Marathon ..แต่อาจจะเป็น My last Marathon ก็ได้ เพราะดูจะเป็นมากเกินกว่าการออกกำลังกายไปหน่อย .....แต่มีเสียงลอยๆของใครบางคนมาบอกว่า Marathon เดียวไม่มีอยู่จริง.....
เพื่อนๆละครับจะมาวิ่งมาราธอนกันสักครั้งหนึ่งไหม
สุดยอดไปเลยค่ะอาจารย์ ทั้งการวิ่ง และการเล่าเรื่องสนุกมากค่ะ รออ่านฟูลมาราธอนครั้งถัดไปแล้วนะค้า / บัว
ReplyDelete