1 ศตวรรษ สานต่อศรัทธา ก้าวสู่อนาคต

   ก็ภูมิใจครับ!!  ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางร่วมกับโรงพยาบาลสงขลาที่มีอายุครบ 1 ศตวรรษในปีนี้ และภูมิใจกับทุกคนที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกันในสถาบันแห่งนี้
   เวลาที่ยาวนานอย่างน้อยก็ 30 ปีที่ผมได้ใช้ชีวิตที่นี่ ตั้งแต่เป็นแพทย์ใช้ทุนปีที่ 1 ขณะนั้นโรงพยาบาลยังมีอยู่ที่ในเมืองเพียงแค่แห่งเดียว  ในฐานะแพทย์จบใหม่ เราได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีในการปฏิบัติงาน จากความเอื้ออาทรของแพทย์รุ่นพี่ๆ, จากความร่วมมือร่วมใจของเจ้าหน้าที่ทั้งส่วนที่เป็นบุคลากรสาธารณสุข และบุคคลากรในฝ่ายสนับสนุน       
   การทำงานในขณะนั้นคงต้องยอมรับถึงความขาดแคลนความไม่พร้อมในหลายๆด้าน แต่การเป็นโมเดลที่ดีซึ่งกันและกันในการทำงานอย่างเสียสละให้กับผู้มารับบริการ เป็นสิ่งที่ทำให้แพทย์จบใหม่อย่างผมประทับใจไม่มีวันลืม ในช่วงเวลานั้นเรามีแพทย์น้อย การอยู่เวรแพทย์ยังแบ่งเป็นเวรนอกเวรใน ไม่สามารถแบ่งแพทย์ให้ครบแผนกได้เวลาอยู่เวรเหมือนมีแพทย์ไม่กี่คน  แต่ในความเป็นจริงก็เหมือนกับเอาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลรักษา  มาอยู่เวรกันหมดทุกคน โดยคนอยู่เวรเปรียบเสมือนแค่ด่านหน้าคอยคัดกรองผู้ป่วย รักษาได้ก็รักษาไป ที่เกินความสามารถก็ดำเนินการเตรียมคนไข้และส่งปรึกษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในการรักษาโรคนั้นๆต่อไป  ส่งปรึกษาได้อย่างอิสระ ได้เรียนรู้จากคำแนะนำที่แพทย์รุ่นพี่บอกให้ทำ,ได้มีส่วนร่วมและประสบการณ์ในการดูแลรักษาร่วมกับพี่ๆในกรณีที่พี่ต้องมาทำหัตถการก็ได้มีส่วนร่วมในการเข้าช่วย....สิ่งเหล่านี้ทำให้ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกเหนื่อยจากการทำงานเลยแม้แต่สักแวปหนึ่ง
       เรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในสมัยนั้น ยังไม่มีสิทธิบัตรทอง มีเพียงแค่บัตรสงเคราะห์การรักษาพยาบาล ซึ่งจะครอบคลุมทั้งพระ ผู้พิการ คนยากจนและผู้สูงอายุ ตลอดเป็นผู้ที่ได้รับการรับรองจากทางส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง. เราก็มักจะไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วย ผู้ป่วยคนไหนไม่มีสิทธิ์และไม่มีความพร้อมในเรื่องค่าใช้จ่ายก็มีเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์คอยดูแล ...คุณภาพการรักษาที่ดีจึงเป็นความภูมิใจที่สำคัญ ของบุคลากรทุกคนของโรงพยาบาล ...เราภูมิใจในงานที่เราทำ
    โรงพยาบาลเราพัฒนาเรื่อยมาจนถึงจุดหนึ่ง พื้นที่ 15 ไร่ในบริเวณที่ตั้ง ไม่สามารถรองรับการจัดการบริการได้เพียงพออีกต่อไป โรงพยาบาลสงขลา ได้รับมอบพื้นที่ 80 ไร่ บนเส้นทางที่จะต่อไปสะพานเปรมติณสูลานนท์   การเตรียมการเรื่องการย้ายโรงพยาบาลจึงเกิดขึ้น
       แค่เพียงเราย้ายบ้านหลังเล็กๆสักหลังหนึ่งความโกลาหลก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หลับตาลองคิดดูการย้ายโรงพยาบาลก็คงจะยากลำบากกว่าหลายเท่า    แล้วความร่วมมือจากหลายๆส่วนทั้งที่เป็นจากรัฐบาล ส่วนราชการและเอกชน ก็มาสนับสนุนเรา  ได้รับงบประมาณในการสร้างอาคารสถานที่จนสำเร็จไปแล้วแต่เราก็ยังไม่อาจจะย้ายมาได้ในทันที เพราะยังมีรายละเอียดทั้งในเรื่องของการจัดสรรพื้นที่โรงพยาบาล ให้หน่วยงานต่างๆ การจัดระบบการติดต่อสื่อสาร รวมทั้งวางแผนการให้บริการประชาชนในพื้นที่เดิม ซึ่งเป็นบริเวณที่มีประชากรหนาแน่น ...อันนี้ผมคิดว่าเป็นสปิริตของชาวโรงพยาบาลทุกคนซึ่งพวกเราต้องการให้การดูแลที่ครบถ้วน เพราะในขณะนั้นการเดินทางไปโรงพยาบาลที่เกาะยอยังไม่มีการโดยสารสาธารณะ  ผมเองได้มีโอกาสเห็นพ่อแม่ขับมอเตอร์ไซค์อุ้มเด็กชักเพื่อไปส่งโรงพยาบาลที่เกาะยอ   บุคลากรโรงพยาบาลทุกคนในขณะนั้นก็มีความยากลำบากในการเดินทางเช่นกัน โดยเฉพาะบุคคลากรเวรบ่ายดึก ซึ่งต้องเดินทางในยามวิกาล การแก้ปัญหาในการจัดรถสวัสดิการ รถส่งต่อผู้ป่วย จึงเกิดขึ้น จนเมื่อการโดยสารสาธารณะเกิดขึ้นและมีความพร้อมแล้วบริการเหล่านี้จึงค่อยๆหายไป  ผมในฐานะที่เป็นชาวสงขลาคนหนึ่งต้องขอขอบคุณบุคลากรโรงพยาบาลสงขลาทุกท่านที่อดทนปฏิบัติงานให้ครอบคลุมโรงพยาบาลทั้งสองแห่งเป็นปีๆกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าที่ และสุดท้ายเราก็ได้มีโรงพยาบาลโรงพยาบาลเก่าเป็นศูนย์การแพทย์สงขลา และโรงพยาบาลสงขลาเกาะยอ อย่างที่เป็นทุกวันนี้
         อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะกล่าวถึงความก้าวหน้าของโรงพยาบาลสงขลา จุดเปลี่ยนที่สำคัญก็คือในเรื่องการเรียนการสอน เริ่มแรกเมื่อผมปฏิบัติงานใหม่ๆ เนื่องจากโรงพยาบาลสงขลามีแพทย์ไม่เพียงพอจึงมีการหมุนเวียนแพทย์จากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์มาช่วยในการผ่าตัดหรือมาเป็นพี่เลี้ยงในการดูแลผู้ป่วย จนถึงจุดหนึ่งเมื่อเรามีความพร้อมมากขึ้นโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ก็ให้ความเชื่อมั่นที่จะส่งนักศึกษามาเรียนรู้ที่เราให้บางช่วงเวลาของหลักสูตร (affiliated hospital) และพัฒนาต่อมาจนเป็นสถานที่เรียน และฝึกงานประจำของนักศึกษาแพทย์จากคณะแพทย์สงขลานครินทร์  และต่อมาหลังจากที่ได้มีการถกประเด็นกันในองค์กรแพทย์ของโรงพยาบาลสงขลา โดยมีคะแนโหวตยอมรับเพียงแค่เฉียดฉิวเราก็ได้พัฒนาเป็นสถานบันฝึกหลักนักศึกษาแพทย์คณะแพทย์มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งทางแพทย์ที่โหวตรับและไม่รับก็ช่วยกันทำหน้าที่ กันอย่างเต็มภาคภูมิจนทำให้เราพัฒนาศูนย์แพทย์ศาสตร์ศึกษาโรงพยาบาลสงขลาเป็นศูนย์แพทย์ขนาด ชั้นปีละ 24 คน และมีแพทย์จากสถาบันแห่งนี้ไปปฏิบัติงานดูแลให้บริการประชาชนในด้านสุขภาพอนามัยมาแล้วถึง 13 รุ่น
             ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะครับที่ทุกคนได้เป็นสมาชิกของโรงพยาบาลสงขลาในขณะที่มีอายุครบ 1 ศตวรรษ ทุกคนก็จะมีโอกาสที่ดีที่จะสร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเองให้กับโรงพยาบาลแห่งนี้และให้กับผู้มารับบริการ ...ผมจะรอชื่นชมกับสิ่งเหล่านั้นครับ


Comments

Popular Posts