ลุยเดี่ยว 3ภู1ผา @เชียงราย
ทริปนี้เกิดขึ้นจากโดนยาหยีเทนะครับ...เธอเกิดมีภารกิจกระทันหัน คิดให้เป็นเรื่องดีๆเราก็จะได้มีโอกาส adventure อีกสักทริป
แพลนจึงเปลี่ยนเป็น 4เนิน, 1ผา 3 ภู ,1 ไร่กับมอไซค์ 1 คัน เริ่มง่ายๆที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงรายครับ ลงเครื่องปุ๊บ น้องส่งรถมอเตอร์ไซค์เช่าก็นำรถมารออยู่แล้ว.. สะด้วก สะดวกครับ การตรวจรับรถ แนะนำการใช้รถรวมทั้งนัดวันเวลาสถานที่ส่งรถเป็นไปอย่างราบรื่นและจบด้วยการถ่ายรูปเป็นที่ระทึกไว้หน่อย
ผมอยากจะเดินทางเป็นวงกลมเพื่อจะได้สัมผัสบรรยากาศและสถานที่ที่ไม่ซ้ำกันตลอดการเดินทาง ก็เลยเลือกเส้นทางตามรูปครับ
มีเวลา 4 วัน3 คืนคงจะพอดีกับเส้นทาง 224 กิโลเมตร จัดได้ว่ากำลังดี แอบถามน้องให้เช่ามอเตอร์ไซค์มีคำแนะนำบอกว่าเส้นทางตรงที่ไปภูหลงถัง ค่อนข้างจะอันตรายมีเนินสูงๆต่ำๆเยอะมาก ถ้าจะไปผาตั้งก็อาจแยกไปอีกทางที่ไม่ผ่านภูหลงทางก็ได้....ผมคิดว่าขับไปช้าๆคงไม่เป็นไร จึงยังคงเลือกการเดินทางตามเส้นทางที่กำหนดไว้แต่แรก
ออกจากสนามบินมาไปตามเส้นทางที่จะไปผาตั้งก็ว้าวเลยครับ
อากาศดีสุดๆอยู่ข้างทางก็สวยงามแปลกตา
เพลิดเพลินกับเส้นทางพักใหญ่ๆ ก็มาถึงทางแยกขึ้นไปวนอุทยานพญาพิภักดิ์ ทางเข้าไต่ระดับสูงขึ้นไปดูครึ้มๆ ไม่มีคนออกจะเปลี่ยวสักนิด ..พอได้ผ่านออกไปสู่ลานกว้างๆที่จอดรถก็เจอจุดชมวิวบริเวณนี้ครับ
เส้นทางก็เป็นเนินสูงๆต่ำๆตามคำบอกครับแต่ถนนดีผิวการจราจรดี
....คนขับก็มีความสุขสิครับ
จากภูหลงถังขับมาตามเส้นทางที่เปิดโล่ง...เริ่มรู้สึกร้อนแดดอยู่บ้างเหมือนกัน ลมเย็นที่ปะทะมาทางด้านหน้ามีอิทธิพลมากกว่าจึงยังรู้สึกสดชื่นเลยตัดสินใจไม่แวะทานอาหารเที่ยงแล้วลุยไปผาตั้งทีเดียวเลย ประมาณบ่าย 3 กว่า...ทิวเขาสุดลูกหูลูกตาของบ้านผาตั้งก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า
จำไม่ได้แล้วว่าชี้อะไรไปบ้าง แต่อาหารที่สั่งมาถูกปากสุดๆซุปร้อนคล้ายๆแกงจืดมีหมูสับและไข่เจียวห่อหมูอยู่ในซุป กลิ่นกระเทียมเจียวลอยเข้าจมูกตอนกิน ผัดผักก็สดกรอบมีพริกแห้งเพิ่มรสชาติ กินกับหมั่นโถและชาจีน ผลคือ...พุงกางครับ ไปเช็คอินเข้าที่พัก ในสภาพที่หนังตาเริ่มหย่อน สภาพห้องก็ประมาณนี้ครับ
ล้างหน้าล้างตา และจะไปสำรวจทางขึ้นผาตั้ง เพราะพรุ่งนี้ออกไปแต่เช้าเผื่อไม่มีใครให้ถาม
ทางขึ้นผาตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พักครับ ดูเวลาแล้วยังพอมีเวลาเหลือก็เลยเข้ามาจนถึงลานกางเต็นท์ ซึ่งใกล้ๆกันก็มีจุดขายอาหาร ถือโอกาสถ่ายรูปทางขึ้นตรงประตูสวรรค์ผาบ่อง และวิวยามเย็นของผาตั้งไว้ครับ
สวัสดียามเช้ากับวิวที่ระเบียงห้องพัก ออกเดินทางพร้อมแสงสว่างเรื่อๆของพระอาทิตย์
ที่ผาตั้งมีเนินให้เราเดินชมอีก 4 เนินะครับคือเนิน 101 ถึง 104 ที่คนไปชมกันมากก็คือเนิน 101 ที่ผมชอบและคิดว่าสวยที่สุดคือเนิน 102 แต่ถ้ามีแรง ทุกเนินก็เป็นเนินห้ามพลาดนะครับ
ผมใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆในการเดินชม 4 เนิน...อุณหภูมิน่าจะเป็นเลขตัวเดียว บางช่วงมีลมแรงก็จะรู้สึกหนาวมาก มีแสงแดดเช้าคอยให้ความอบอุ่นภายนอก มีชาเขียวที่เตรียมมาคอยให้ความอบอุ่นภายใน ยิ่งทำให้มีความสุขกับทิวทัศน์ที่อยู่ตรงเต็มร้อยเลยครับ
ออกจากที่พักผาตั้งประมาณ 10 โมงกว่าๆมุ่งหน้าสู่ภูชี้เดือน เก็บรูประหว่างทางไปภูชี้เดือนมาฝากครับ
มาถึงทางขึ้นภูชี้เดือนประมาณเที่ยง จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ตรงจุดบริการ สำหรับเช่ารถกระบะพาขึ้นไปที่ภูชี้เดือน แต่ตอนผมไปถึงไม่มีคนเลยครับถ้าเช่าก็ต้องเช่าทั้งคัน น่าจะไม่ค่อยไหวครับ พอมีเวลา...คิดแล้วเดินขึ้นดีกว่าครับเหมือนเขาบอกว่าประมาณ 3-4 กิโลเมตร ทางเดินก็เป็นการเดินเข้าในสวนกาแฟบ้าง เป็นป่าทึบๆ ไม่ร้อนครับ ทางเดินก็ชันอยู่เหมือนกันบางช่วงเรียกเหงื่อได้เลยครับ มีสัก 1 กิโลเมตรที่เป็นทางเปิดโล่งเป็นต้นไม้เตี้ยๆข้างทางก็ร้อนอยู่
แต่พอถึงก็หายเหนื่อยครับ
พอผมมาถึงมีนักท่องเที่ยว 5 คน อยู่บนภูชี้เดือน ผมชื่นชมกับธรรมชาติรอบตัว เสร็จ ก็ขอแชร์รถเขาลงมาด้วย....ต้องขอบคุณน้องๆในกลุ่มครับไม่ยอมรับเงินส่วนที่จะแชร์ของผม ขอบคุณมากๆครับ
ป้ายต่อไปไปที่พักภูชี้ฟ้าครับ พักเต้นท์ที่รีสอร์ท ทัศนียภาพก็โอเคครับ
ลงชื่อจองรถเพื่อจะไปดูอาทิตย์ตกที่ภูชี้ดาวกันเลยครับทางขึ้นค่อยข้างสะดวกไม่ชันและ มีstepให้เดินเป็นช่วงๆ...ทันเวลาได้ดูพระทาทิตย์ตกพอดี คงจะเห็นด้วยนะครับว่าคุ้มค่า
ลงจากภูชี้ดาวก็หิวโซมาเลยครับ อาหารเย็นก็กินที่ร้านอาหารใกล้ที่พัก อากาศเย็นๆ ผมจะกินอาหารได้มากเป็นพิเศษ.. คืนนี้จะได้้หลับสบาย มีแรงปีนภูชี้ฟ้าในวันพรุ่งนี้ ตี4.30ต้องมารอรถที่จะพาขึ้นไปภูชี้ฟ้า. ...จองรถขึ้นไปภูผมใช้บริการของที่พักนะครับ ราคา ประมาณ 50-100 บาทจำไม่ได้ชัดนัก
รถมารับตรงเวลาเป๊ะ..บนถนนก็มีรถรับส่งนักท่องเที่ยวขึ้นภูกันคึกคัก ประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงเชิงภู ผู้คนคึกคัก มีอาหารดื่มบริการ แสงไฟจากไฟฉายแกว่งไกวไปทั่วบิเวณ แล้วแสงก็ค่อยๆนำทางสูงขึ้นไปตามทางขึ้นไปยอดภู ยิ่งสูงขึ้นไป นักท่องเที่ยงก็จะหนาแน่นน้อยลง ระยะทางกับความสูงคัดแยกคนที่ฟิตกว่าให้ขึ้นนำ เริ่มเห็นคนหยุดหอบ คนเป็นลม แม้ความสูงจะไม่เกิน1600 เมตร ระยะทาง 750 เมตรเพื่อจะไปถึงยอดภูแต่สำหรับคนที่ไม่ฟิต ไม่เตรียมตัวก็จะส่งผลได้เช่นกันครับ ทุกคนมุ่งหวังจะไปถึงยอดภูก่อนพระอาทิตย์ขึ้น แต่ความสวยงามระหว่างทางก็น่าอภิรมย์ไม่น้อย พักชื่นชมทิวทัศน์ เสพความสดชื่นของธรรมชาติก็เป็นข้ออ้างที่ดีในการพักเหนื่อยครับ
นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยลงจากภู...ผมจองกอหญ้าริมผานอนละเลียดอเมริกาโน่จากกระป๋องที่เตรียมขึ้นมาใช้เวลากับธรรมชาติตรงนี้ไปร่วม2 ชั่วโมง เก็บความ สดชื่นลงมาเต็มเปี่ยมครับ เสริมพลังด้วยสุกี้แห้งที่ร้านอาหารข้างทีพัก...
กลับถึงกรุงเทพฯ เจอยาหยี ถามเธอว่าไม่ถามบ้างเหรอว่าเที่ยวคนเดียวไปไงบ้าง คำตอบที่ได้คือ "ชั้นรู้ว่าเธอไม่เหงาแน่" 55 รู้ใจกันขนาดนี้ไม่รักได้ไง.
Comments
Post a Comment